• กฏเบื้องต้น :
• เด็คมีได้ 50 ใบห้ามขาดห้ามเกิน การ์ดใส่ชื่อซ้ำได้สูงสุด 4 ใบ
• ในเด็คจะต้องใส่ Trigger Unit ที่มีขอบสีเหลือด้านล่างการ์ด ได้สูงสุดในเด็คไม่เกิน 16 ใบ และใส่การ์ด Heal Trigger ได้สูงสุดไม่เกิน 4 ใบในเด็ค
• การ์ดที่มีสัญลักษณ์ Heal trigger ใส่ในเด็คได้ไม่เกิน 4 ใบ
• การ์ดที่มีความสามารถ Sentinel ใส่ในเด็คได้ไม่เกิน 4 ใบ 

• วิธีเอาชนะ :
• มี 2 วิธีคือ คู่แข่งของเราได้รับ 6 damage หรือกองการ์ดของคู่แข่งหมด

• การเริ่มต้นการเล่น

ผู้เล่นจะต้องเลือกการ์ด Unit Grade 0 จากในเด็คของตนเอง และวางลงในวงกลมพื้นที่ Vanguard ในลักษณะคว่ำหน้า จากนั้นจึงสับเด็คและเลือกว่าใครจะเริ่มเล่นก่อน จากนั้นจึงจั่วการ์ดขึ้นมาบนมือ 5 ใบ โดยหากผู้เล่นไม่พอใจการ์ดที่จั่วขึ้นมา สามารถเลือกเปลี่ยนได้ 1 ครั้ง โดยเลือกการ์ดที่ไม่พอใจกลับเข้ากอง สับเด็ค และจั่วการ์ดกลับขึ้นมาตามจำนวนที่ส่งกลับลงไป จากนั้นจึงเริ่มเล่นและเปิดการ์ดที่อยู่ในตำแหน่ง Vanguard ของเรา

• พื้นที่การเล่น

สนามแข่งขัน

การวางการ์ดของ Cardfight! Vanguard จะมีพื้นที่การวางการ์ดในการเล่นทั้งหมด 7 ตำแหน่ง ได้แก่ Rear-Guard ที่จะต่อสู้ 5 ตำแหน่ง ล้อมตำแหน่งการ์ด Vanguard ซึ่งอยู่ตรงกลางทั้งด้านข้างและด้านหลัง และด้านหน้า Vanguard จะเป็นตำแหน่งของการ์ดซึ่งมีไว้เพื่อการป้องกันจากการต่อสู้ของฝ่ายตรงข้าม เรียกว่า Guardian Zone

สำหรับตำแหน่งอื่น ๆ นั้นจะวางการ์ดที่มีความเสียหาย (Damage) ไว้ตรงด้านซ้ายล่าง การ์ดที่ Drop จะไว้ตรงด้านล่างขวา เด็คการ์ดจะวางไว้เหนือ Drop Zone และการ์ด Trigger หรือการ์ดกระตุ้นจะไว้ในตำแหน่งบนสุดเหนือเด็ค และในเกมนี้ Unit Card ที่ใช้เสริมพลังสำหรับการ์ด Vanguard จะเรียกว่า Soul และจะวางซ้อนอยู่ใต้ตัวการ์ด Vanguard

• ขั้นตอนการเล่น

เมื่อเริ่มต้น การ์ดที่ถูกใช้ไปแล้ว (ตะแคงขวาง) ในเทิร์นที่ผ่านมาจะถูกจับตั้งขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งเพื่อพร้อมใช้ในการเล่นในตาของเรา จากนั้นจึงจั่วการ์ดจากกองขึ้นมา 1 ใบ และหากผู้เล่นต้องการเพิ่มความสามารถหรือเปลี่ยนตัว Vanguard ก็สามารถทำได้ในขั้นตอนนี้ โดยผู้เล่นจะต้องแจ้งว่าต้องการ Ride up โดยการ์ดที่จะสามารถ Ride up ได้ต้องมีระดับ (Grade) เท่ากันหรือเหนือกว่าการ์ดเดิม 1 ระดับ ซึ่งจะสังเกตได้จากมุมซ้ายบนของการ์ด ผู้เล่นสามารถทำการ Ride up ได้เพียงครั้งเดียว และหากทำการ Ride up สำเร็จ ให้ผู้เล่นวางการ์ดดังกล่าวไว้บนการ์ด Vanguard ใบเดิม

การ์ดที่มีความสามารถในการเป็น Guardian Unit สังเกตจากริมด้านซ้ายตรงกลางของการ์ด

เมื่อถึงขั้นตอนหลัก ผู้เล่นสามารถลง Unit Card ที่มีเกรดไม่สูงกว่าตัว Vanguard หลักลงมาเป็น Rear Guard ได้ หรือเลือกย้ายตำแหน่งขึ้นลงของ Rear Guard ระหว่างแถวหน้า-หลัง โดยไม่สามารถย้ายไปด้านข้างหรือสลับกับตัว Vanguard ได้ หรือเลือกใช้ความสามารถของการ์ดที่ขึ้นต้นด้วย ACT (Activated Ability) โดยจ่ายค่าร่ายตามที่การ์ดใบนั้น ๆ กำหนดไว้

ขั้นตอนการโจมตีจะเริ่มขึ้นจากการเลือก Unit Card ที่อยู่แถวหน้าโดยการตะแคงข้าง และเลือกเป้าหมายจาก Unit ที่อยู่แถวหน้าของฝ่ายตรงข้ามเื่พื่อโจมตี และผู้เล่นสามารถใช้ Unit Card แถวหลังที่มีเกรดการ์ดอยู่ที่ 1 หรือ 0 เพื่อเพิ่มพลังโจมตีของการ์ดแถวหน้าในแนวเดียวกันด้วยการตะแคงข้างเช่นเดียวกัน

ฝ่ายตั้งรับสามารถเลือกลงการ์ดที่มีสัญลักษณ์ Guardian บนการ์ดจากมือ และเกรดต้องไม่สูงกว่า Vanguard Card ในขณะนั้น โดยผู้เล่นจะเลือกลงการ์ดเพื่อเป็น Guardian กี่ใบก็ได้เพื่อเพิ่มพลังให้กับ Vanguard แต่เมื่อจบการต่อสู้ในครั้งนั้น ๆ ก็ต้องนำการ์ดที่ใช้เป็น Guardian ทั้งหมดออกจากสนามไป

หาก Unit ที่โจมตีเป็น Vanguard จะเข้าสู่ขั้นตอนการ Trigger โดยเปิดการ์ดใบบนสุดของเด็ค หากเปิดพบการ์ดที่เป็น Trigger Unit ขอบล่างสีเหลืองที่เป็นฝ่ายเดียวกันกับตัว Vanguard หรือ Rear Guard ผลของการ Trigger จะเกิดขึ้น โดยสังเกตจากสัญลักษณ์มุมบนด้านขวาของการ์ด โดยแบ่งออกเป็น

การ์ดที่เป็น Trigger Card

• Draw เพิ่มพลังให้กับตัว Unit อีก 5000 แต้ม และจั่วการ์ด 1 ใบ
• Critical เพิ่มพลังให้กับตัว Unit อีก 5000 แต้ม และเพิ่ม Critical +1 ให้กับ Unit ตัวใดตัวหนึ่งของฝ่ายเรา
• Heal เพิ่มพลังให้กับตัว Unit อีก 5000 แต้ม และรักษาความเสียหาย 1 Damage หากความเสียหายของเรามากกว่าหรือเท่ากับคู่ต่อสู้
• Stand เพิ่มพลังให้กับตัว Unit อีก 5000 แต้ม และจับ Rear Guard ใบใดใบหนึ่งตั้งขึ้นมาอีกครั้ง

เมื่อเช็คเรียบร้อยแล้วจึงเริ่มการโจมตี โดยที่หากพลังของฝ่ายที่โจมตีมีเท่ากันหรือมากกว่า การโจมตีจะสำเร็จ โดยหากโจมตี Rear Guard สำเร็จจะถูกนำออกจากเกม และนำการ์ดเข้าไปใน Drop Zone แต่หากโจมตี Vanguard สำเร็จ จะนับค่าความเสียหายจากค่า Critical ของการ์ดที่โจมตีใบนั้น ๆ เช่นหากการ์ดมีค่า Critical 1 ผู้เล่นที่โดนโจมตีจะโดน 1 Damage และการ์ด Trigger ที่เกิดจากผลของการโดน Damage จะถูกย้ายจาก Trigger Zone ไปลงใน Damage Zone

หากผู้เล่นมีการ์ดที่ยังไม่ได้ใช้อยู่บนแถวหน้าต้องการโจมตีต่อเนื่อง ก็ยังสามารถโจมตีต่อได้ แต่หากโจมตีจนพอใจแล้วก็จะจบเทิร์น จากนั้นคู่ต่อสู้จึงจะกลับเป็นฝ่ายโจมตีจนรู้ผลแพ้ชนะ

• ความสามารถพิเศษของการ์ด

การ์ดเกม Vanguard จะมีความสามารถพิเศษบนการ์ดแต่ละใบดังต่อไปนี้

Skill icon – สัญลักษณ์จะอยู่ใต้เลข Grade โดยแบ่งเป็น Boost ลูกศรชี้ขึ้นที่จะเพิ่มพลังให้ Unit ที่อยู่แถวหน้า Intercept สัญลักษณ์ลูกศรชี้ลง โดยหาก Unit ตัวอื่นถูกโจมตี Unit ที่มีความสามารถ Intercept จะสามารถเลื่อนตำแหน่งขึ้นไปเป็น Guardian ได้โดยทันที Twin Drive ลูกศรคู่ไขว้ เมื่อ Unit นี้อยู่ในสนามสามารถใช้พลังในการทำ Trigger ได้ 2 ครั้งเพื่อเพิ่มโอกาสในการเจอ

Shield – จะอยู่ด้านข้างซ้ายส่วนกลางของการ์ด ซึ่งจะมีค่าบ่งบอกการเพิ่มพลังเมื่อใช้ Unit นั้นเป็น Guardian Unit

นอกจากนั้นแล้วจะมีการบอกค่าพลังของการ์ด และค่า Critical ฝ่าย เผ่าพันธุ์ ประเภทของการ์ด ความสามารถของการ์ดไว้ด้านล่าง โดยความสามารถพิเศษจะมีระบุไว้ในการ์ด ได้แก่

• AUTO (Automatic Ability) ความสามารถที่เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติเมื่อตรงตามเงื่อนไข
• ACT (Activated Ability) ความสามารถที่เกิดขึ้นจากการจ่ายค่าร่ายตอนเริ่มเทิร์น
• CONT (Continuous Ability) ความสามารถที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องตราบใดที่ Unit Card ใด ๆ ตามเงื่อนไขยังอยู่บนสนาม

Counter Blast – สัญลักษณ์สีม่วง หากผู้เล่นได้รับ Damage ผู้เล่นสามารถเลือกใช้ความสามารถ Counter Blastโดยการหงายหน้าการ์ดตามจำนวนที่ความสามารถนั้นได้ระบุไว้

Soul Blast – ใช้ความสามารถจากการ์ด Soul ที่อยู่ใต้การ์ด Vanguard ตามจำนวนที่ระบุไว้ ซึ่งเมื่อใช้ไปแล้ว การ์ดที่ถูกใช้จะลงไปอยู่ใน Drop Zone

Soul Charge – เพิ่มพลังหรือความสามารถต่าง ๆ โดยการดึงการ์ดจากเด็คเข้ามาใต้ Vanguard ให้เป็น Soul ตามจำนวนที่ระบุไว้